News

การขยายตัวของสังคมเมือง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านที่อยู่อาศัยและระบบการเดินทาง

ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้คือยุคที่ผู้คนต้องการความสะดวกสบายรวดเร็วและทันสมัย เมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกได้กลายเป็นศูนย์รวมของสิ่งอำนวยความสะดวกและรูปแบบชีวิตสมัยใหม่ ผู้คนในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจึงมีการเคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกันมากขึ้น การเติบโตของที่อยู่อาศัยจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้อัตราในการขยายตัวของเมืองกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว

ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2050 จำนวนประชากรกว่า 66% ในโลกนั้นจะอาศัยอยู่ในเมือง และมากกว่า 35 เมืองของโลกจะกลายเป็นมหานครขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยเกิน 10 ล้านคนขึ้นไป นั่นหมายความว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูปโภค การเดินทาง รูปแบบธุรกิจ อาหาร สถานบันเทิงและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจต่าง ๆ จึงน่าจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมนุษยชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และวิถีการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในด้านที่อยู่อาศัยและการเดินทางจะเกิดการปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

ที่อยู่อาศัยและวิถีคนเมืองในอนาคต

รูปแบบที่อยู่อาศัยไม่ใช่แค่อาคารหรือที่อยู่อาศัยธรรมดาอีกต่อไป แต่ภายในอาคารต่าง ๆ หรือห้องพักจะมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ทั้งในด้าน Data และ AI เพื่ออำนวยความสะดวกและกลายเป็น Smart City ที่จะเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ที่ยู่อาศัยได้มากที่สุด

ระบบความปลอดภัย เมื่อผู้คนเข้ามาอยู่มากขึ้น การออกแบบโครงสร้างอาคารต้องสามารถรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีในการแสดงตัวตนมาใช้มากขึ้นเพื่อป้องกันอาชญากรรมและเพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเข้มงวด

ระบบสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐาน เมื่อผู้คนมากขึ้นความต้องการด้านสาธารณูปโภคและบริการต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้น เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง ฯลฯ ต้องมีการปรับตัวให้สามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและรวดเร็ว

ระบบอัจฉริยะสร้างความสะดวกสบาย โดยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้ การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการและลงตัวกับรูปแบบชีวิตอนาคต เช่น ระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ชีวิตสะดวกแล้วยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทาง อุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาด

ระบบการเดินทางที่หลากหลาย...แต่ต้องใช้พลังงานที่สะอาด

การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนมีความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้คนไปสู่จุดหมายต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเมืองมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จำเป็นต้องขยายบริการสาธารณะให้กว้างและครอบคลุมเพื่อลดการใช้พาหนะส่วนตัว ด้วยพื้นที่ที่มีอย่างจำกัดทำให้ผู้คนที่อาศัยในเมืองใหญ่กว่าร้อยละ 50 เลือกใช้บริการสาธารณะเป็นหลักในการเดินทาง เพราะสะดวกและรวดเร็ว และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเดินทางในเมืองนั้นจะต้องรวดเร็วและหลากหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในการเข้าสู่ใจกลางเมืองหรือออกนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็น รถประจำทาง รถไฟฟ้า หรือรถยนต์ และสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดอีกหนึ่งสิ่งคือ การเดินทางนั้นจะต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เทรนด์ระบบขนส่งต่าง ๆ ในอนาคตนั้นจะกลายเป็นระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบและอำนวยความสะดวกในการใช้งานโดยระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีหลายบริษัทกำลังทำการพัฒนาอยู่ ส่วนการเดินทางข้ามเมืองหรือประเทศ ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะเป็นอีกตัวเลือกที่สะดวก และในอนาคตคงสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในการเดินทางที่รวดเร็วและปลอดภัยก็จะสามารถสร้างความมั่นใจในการเดินทางแทนการเดินทางด้วยเครื่องบินเพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

สำหรับการเดินทางสั้นๆ ในเมืองที่แออัดด้วยผู้คน ก็มี Micro mobility เป็นทางเลือกหลากหลายที่สะดวกรวดเร็ว เช่น e-bike และ e-scooter เนื่องจากตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว หลีกหนีจากการจราจรที่ติดขัดได้อย่างลงตัว

ที่มาของเนื้อหา :
(1) https://bit.ly/32TTvEd
(2) https://bit.ly/2JzexQT