Blog

ห้องความดันลบแยกผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักแบบถอดประกอบได้

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทุกระดับ โดยเฉพาะด้านสุขภาพที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตของผู้คนในหลายครอบครัว แต่ท่ามกลางวิกฤตทำให้เราก็ได้เห็นและภาคภูมิใจกับนวัตกรรมดีๆ ฝีมือคนไทยที่เกิดขึ้นมากมายหลายชิ้น และหนึ่งในนวัตกรรมที่อยากจะมาแนะนำให้รู้จักก็คือ “ห้องความดันลบแยกผู้ป่วยอาการหนักแบบถอดประกอบได้” นั่นเอง

ห้องความดันลบแยกผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักแบบถอดประกอบได้ หรือ Knock-down Airborne Infection Isolation Room เป็นผลงานของบริษัท วินด์ชิลล์ จำกัด ที่คิดค้นขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างหนัก ส่งผลให้โรงพยาบาลขาดแคลนห้องแยกผู้ป่วยอาการหนัก (ICU) ซึ่งมีจำนวนถึง 5% ของผู้ป่วยทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องเร่งก่อสร้างให้ทันท่วงที โดยได้มีการออกแบบและผลิตด้วยระบบ 3 มิติ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี Modular Design และ การผลิตแบบ Pre-Fabrication จึงทำให้สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับการควบคุมการติดเชื้อทางอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้โควิด-19 แพร่เชื้อโรคไปยังผู้ป่วยอื่นรวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ทำโดยใช้เกณฑ์การออกแบบตามมาตรฐาน ANSI/ASHRAE Standard 170 ใช้มาตรฐานเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 รวมทั้งใช้วิศวกรออกแบบที่ได้รับรอง ASHRAE Certified Professional เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีหลักการทางวิศวกรรมที่สำคัญคือ ควบคุมแรงดันห้องให้เป็นลบ และควบคุมทิศทางการไหลของอากาศภายในห้องผู้ป่วยไม่ให้แพร่กระจายใช้การกรองผ่าน HEPA Filter ใช้การเติมอากาศใหม่ในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งจัดการอากาศเสียจากผู้ป่วย ไม่ให้แพร่กระจายไปยังที่อื่น

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ห้องความดันลบแยกผู้ป่วยอาการหนักแบบถอดประกอบได้นี้ใช้เวลาผลิดได้อย่างรวดเร็วเพียง 1-3 เดือนเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งไปแล้วหลายโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันการแทพย์จักรีนฤบดินทร์ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นต้น

นับเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมดีๆ ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ลดการสูญเสียชีวิต และยังช่วยลดการแพร่ระบาดเชื้อโควิดไปยังแพทย์และพยาบาลได้มากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ “พลิกชีวิตให้มีความสุข” เพื่อคนไทยมีสุขภาพที่ดีและปลอดภัยไปด้วยกัน