ไม่ว่าปรากฏขึ้นในบริบทไหนและเวลาใด “นวัตกรรม” ก็สื่อถึงความก้าวหน้าและให้ความหวังได้เสมอ ยิ่งกับยุคสมัยที่โลกหมุนเร็วขึ้นด้วยพลังของเทคโนโลยีและท่ามกลางปัญหามากมายที่สังคมทั่วโลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน แนวทางใหม่ๆ และการขยายขอบเขตความร่วมมือในรูปแบบนวัตกรรมจึงทวีความสำคัญ นี่เป็นหลักใหญ่ใจความที่เหล่าบุคลากรชั้นนำทั้งของไทยและนานาประเทศย้ำตลอด งานปฏิบัติงานนวัตกรรมเชิงสังคม (Social Innovation in Action 2019) ที่จัดโดย The Economist
หัวข้อแรกที่เหล่า Speaker มากประสบการณ์ด้านนวัตกรรมเชิงสังคมขึ้นมาแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีคือ การสร้างระบบนิเวศทางนวัตกรรมเชิงสังคมให้เกิดขึ้น โดย ดร.พันธ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน) เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า ความร่วมมือของทุกฝ่ายก็เหมือนกับการลากเส้นผ่านจุดเล็กๆ มากมาย ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะกลายเป็นภาพใหญ่
ดร.พันธ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์กรมหาชน)
ขณะที่ Alision Eskesen รองประธานฝ่ายเอเชียแปซิฟิก ศูนย์การเติบโตอย่างทั่วถึงของ Mastercard ให้ทัศนะไปในทิศทางเดียวกันว่า แม้มีความท้าทายมากมาย และต้องคิดอย่างรอบคอบถึงผลได้ผลเสียทางธุรกิจและสังคม แต่หากทำสำเร็จทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์
หัวข้อถัดมาของงานครั้งนี้ที่น่าสนใจเช่นกันคือ How can we avoid “Davos Man” Syndrome? โดย สุนิตย์ เชรษฐา กรรมการผู้จัดการ Change Fusion Institute ซึ่งผลักดันนวัตกรรมเชิงสังคมในไทยมาหลายปี กล่าวว่า การอยากให้ปัญหาระดับโลกแก้ไขได้อย่างง่ายดายแค่ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ มารวมตัวกันและสั่งการลงไป (Davos Man) นั้น จะแก้ได้ต้องเริ่มที่ผู้บริหารระดับสูงปรับกรอบความคิด และลงมาทำงานกับคนทุกระดับมากขึ้น เพราะไม่ใช่ทุกปัญหาที่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีสั่งการและใช้อำนาจหรือตำแหน่งข่มขู่ คล้ายการตอกตะปู
หัวเรือใหญ่ของ Change Fusion Institute ยังให้ทัศนะว่าปัจจุบันอภิมหาข้อมูล (Big Data) ยังไม่ถูกนำมาใช้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและการสร้างนวัตกรรมทางสังคมมากเท่าที่ควร เพราะภาครัฐและบริษัทหวงข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ได้ จนอาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันคือยุคมืดของข้อมูล (Data dark age)
ช่วงท้ายของงาน Social Innovation in Action 2019 ผู้มาร่วมงานได้เข้าใจนวัตกรรมทางสังคมมากขึ้น ด้วยการขึ้นเวทีของ Ernest Chan ผู้ร่วมก่อตั้ง AESIR บริษัทฮ่องกงที่นำเทคโนโลยี ความจริงเสมือน (VR) และ ความจริงเสริม (AR) มาช่วยให้เด็กวัยเรียนที่มีปัญหาการเรียนรู้ เรียนรู้ได้ดีขึ้น ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก โดย Chan เชื่อว่าความสำเร็จทั้งหมดเป็นเพราะการเล่นเป็นภาษาสากลของเด็กทั่วโลก รวมถึงกลุ่มที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ด้วย
ส่วน Anuj Sharma ประธานบริหารของ Piramal Water บริษัทที่แก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดในชนบทของอินเดีย ก็ชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมทางสังคมไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีซับซ้อนเสมอไป เพราะหากมีระบบที่ดีและเข้าใจปัญหาอย่างตรงจุด เช่น บริษัทในความดูแลที่จัดการใน 3 ประเด็นคือ ความขาดแคลน การใช้ และการเข้าถึงแหล่งน้ำ บริษัทด้านนวัตกรรมทางสังคมอื่นๆ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้พร้อมกับแก้ไขปัญหาทางสังคมได้เช่นกัน
ที่มา : https://marketeeronline.co/archives/125295