เครื่องเร่งกระบวนการแช่และเพาะงอก ข้าวเปลือกสำหรับ การผลิตข้าวฮางงอก ผลงานจาก มมส. และ มทร.อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมข้าวไทย ปี 2562
วันนี้(5 ต.ค.62) ที่สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพ ภายในงาน Innovation Thailand Expo 2019 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือเอ็นไอเอ (NIA)จัดพิธีมอบ“รางวัลนวัตกรรม ประจำปี 2562” (Innovation Awards 2019) ให้แก่สุดยอดนวัตกรรมด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย ประจำปี 2562 เพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติแก่คนไทยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในหลากหลายด้าน เนื่องในวันนวัตกรรมแห่งชาติ 5 ต.ค.
ทั้งนี้ในงานได้มีการประกาศผลรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย ซึ่งเอ็นไอเอร่วมกับมูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จัดประกวดขึ้น เพื่อคัดเลือกนวัตกรรมที่เป็นผลิตภัณฑ์ข้าวไทย รวมทั้งกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับข้าวไทย ที่มีศักยภาพในการพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งผลการตัดสินปรากฏว่าผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนวัตกรรมข้าวไทยประจำปี 2562 ในระดับอุตสาหกรรม คือ “เครื่องเร่งกระบวนการแช่และเพาะงอก ข้าวเปลือกสำหรับ การผลิตข้าวฮางงอก” ผลงานของผศ.ดร. สุพรรณ ยั่งยืน ผศ.ดร.จักรมาศ เลาหวณิช และ ผศ.ดร. เชิดพงษ์ เชี่ยวชาญวัฒนา จากคณะ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ทีมวิจัยผู้พัฒนาเครื่องเร่งกระบวนการแช่และเพาะงอก ข้าวเปลือกสำหรับการผลิตข้าวฮางงอก เปิดเผยว่า ผลงานนี้เป็นนวัตกรรมระดับโลกด้านกระบวนเร่งการแช่และงอกข้าวเปลือกสำหรับการผลิตข้าวฮางงอก ในการทำให้น้ำไหลด้วยการสเปรย์น้ำผ่านข้าวเปลือกในภาชนะบรรจุปิดสนิทเป็นคาบเวลา 15 – 18 ชั่วโมง ข้าวเปลือกจะเริ่มงอกเร็ว และบ่มงอกต่อโดยไม่สเปรย์น้ำ 2 – 3 ชั่วโมง ช่วยลดระยะเวลาการงอกของข้าวลงจากเดิม 2 – 3 วัน เหลือเพียง 24 ชั่วโมง ลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 5 เท่า นอกจากนี้ ทั้งกลิ่นของข้าวฮางงอกและเนื้อสัมผัสจะดีกว่ากระบวนการแบบเดิม ชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ในราคาเริ่มต้นที่ 20,000 บาทซึ่งกำลังการผลิตประมาณ 100 กิโลกรัมต่อวัน โดยการประยุกต์ใช้ถังน้ำพลาสติก ขณะที่การผลิตระดับอุตสาหกรรมซึ่งใช้วัสดุสแตนเลสซึ่งมีกำลังการผลิต 600 กิโลกรัมต่อวัน จะมีราคาประมาณ 500,000 บาท โดยมีจุดคุ้มทุนของเครื่องขนาดอุตสาหกรรมอยู่ที่ 1.39 ปี
สำหรับรางวัลที่ 2 คือ KEAPAZ ผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและออกแบบลวดลายจากรำข้าว แกลบและใบข้าว จากบริษัทเคียพาสจำกัด ที่นำของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตข้าว เช่น แกลบ รำข้าวและใบข้าวมาทำเป็นเนื้อหรือลายผ้า โดยทำเป็นงานหัตถศิลป์สำหรับใช้เพิ่มมูลค่าในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ และรางวัลที่ 3 คือน้ำยาบ้วนปากแอนโทไซยานินจากข้าวสีดำสำหรับผู้สูงอายุ จากคณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ซึ่งนำข้าวสีดำมาสกัดสารแอนโทไซยานิน ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและเป็นสารต้านการอักเสบไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และสาร Sodium lauryl มีค่าความเป็นกรด-ด่างที่เป็นกลางเพื่อลดการระคายเคืองในเยื่อบุช่องปาก รวมทั้งช่วยบรรเทาอาการการเกิดแผลในช่องปาก
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/it/735111